บันทึกของนายอาร์ต
CGM48 รุ่นที่ 1 ไว้ป๊ะกันแหมเน้อเจ้า :’ )
ตั้งแต่เกิดมาจนเรียกตัวเองว่าลุงได้ในทุกวันนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนบ้าดาราหรือเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนคลับศิลปินคนไหนได้เลย นอกจากเด็กกลุ่มนี้วงไอดอลสาวข้างบ้าน CGM48
MRT สามย่าน ไหว้พระ มู ช๊อป
สามย่านเป็นที่หมายหลักของเราเวลาที่อยากจะไปทำบุญ ประเด็นหลักก็คือความสะดวกในการเดินทาง แล้วก็มีจัดปักหมุดให้ทำกิจกรรมต่างๆที่ตั้งใจเอาไว้ครบครัน ในแบบที่ถ้าทำทุกอย่างได้ครบอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ก็น่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง อาจจะมีต้องสู้ร้อนกันหน่อย
สิ่งที่ต้องถามตัวเอง
ถ้าตื่นมาอยากเปลี่ยนโลก อยากเปลี่ยนแปลงอะไรรอบตัว อยากทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ ทางที่คุณจะพัฒนาต่อ คือการเป็นผู้นำ (Leadership) ถ้าคุณตื่นมาแล้วอยากสร้างอะไร สนุกกับการหาสตางค์อยากขยายอาณาจักร มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองสร้าง ก็น่าจะพัฒนาไปทางการเป็นผ้ประกอบการ (Entreprenurship) ถ้าคุณตื่นมาแล้วอยากรู้อะไรลึกๆ ประเภทแฟนพันธุ์แท้ กระหายอยากได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งตลอดเวลา ก็น่าจะพัฒนาไปในทางการเป็น ผู้เชี่ยวขาญ (Expert) แต่สิ่งที่ต้องถามตัวเองชัดๆคือ ตื่นเข้ามามีความรู้สึกอย่างไรต่อตนเอง ธนา เธียรอัจฉริยะ, “วิถีคนปานกลาง The Average Tribe”, กรุงเทพฯ: คู๊บบุ็ค, 2566
ทอดผ้าป่ากับไอดอลสาวข้างบ้าน
ได้มีโอกาสเริ่มฤดูกาลทำบุญในช่วงระหว่างเข้าพรรษาพร้อมกับเทศกาลกินเจ ซึ่งหลังจากออกพรรษาก็จะเป็นช่วงของงานทอดกฐิน แต่ประจวบเหมาะกับที่ไปเห็นประชาสัมพันธ์ของทาง INC Entertainment ผ่านแฟนคลับของน้ำหนึ่งว่า จะจัดงานบุญทอดผ้าป่า กันก่อนเมื่อวานนี้ (5 ต.ค. 67) ก็เลยสนใจ เหตุผลก็คือ (1) เป็นโอตะตามวงไอดอล BNK48 มาตั้งแต่รุ่นที่ 1 เคยเขียนบันทึกเกี่ยวกับหนัง Girl’s Don’t Cry กับคอนเสริ์ต DDay ไว้เมื่อตอนโน้น (2) ไปงานบุญกับโอดอลวงที่ชอบก็น่าจะเก๋ไม่หยอก จากการไปงานจับมือหรือ road show ที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปแล้ว (3) อดีตสมาชิก BNK48 รุ่น 1 จบการศึกษา – สิ้นสุดสัญญา – ไปพักใหญ่ๆแล้วหาโอกาสเจอกันยากอยู่ (4) สถานที่จัดงาน วัดสวนใหญ่ บางกรวย ก็คือวัดหน้าปากซอย เป็นวัดในชุมชมเล็กๆที่ผ่านทุกวันแต่ไม่เคยเข้าไปไหว้พระในนี้เลย เป็นโอกาสอันดี ที่แขกบ้านแขกเมืองมาเยือนถึงถิ่น ควรไปต้อนรับ (5) อยากทำบุญเป็นปรกติ อุ่นเครื่องเตรียมช่วงทอดกฐินหลังออกพรรรษา กำหนดการเค้านัดเที่ยง แต่ก็ตั้งใจว่าจะไปก่อนเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง […]
๒๙ พ.ย. ๒๕๖๗
น่าจะครบหนึ่งปีพอดีกับ new normal ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ในช่วงเริ่มต้นก็มีความโกลาหลบ้างไม่มากไม่น้อย ขึ้นอยู่กับความเคยชินของคนว่าต้องปรับตัวกันมาแค่ไหน ซึ่งโดนส่วนตัวและตามลักษณะงานแล้วไม่ได้เป็นคนที่ต้องยึดติดกับสถานที่ทำงานมากนัก เพราะชอบออกมารีโหมดทำงานนอกสถานที่มากกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดในช่วงแรกๆคือ เราสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ยกเว้นที่บ้าน
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗
ไม่ทันด้วยช่วงเวลาสากล ก็เปิดบันทึกตามเวลาประเทศไทยก็แล้วกัน เพราะนอกจากเป็นการหยุดยาว พร้อมบรรยากาศการฉลองที่ไม่ต่างกัน ก็มีเพิ่มกิจกรรมการเล่นน้ำ นางนพมาศ เป็นของแถม สำหรับกิจกรรมที่ทำเป็นการส่วนตัวก็แทบจะไม่ต่างกัน (ถ้าไม่ต้องห่วงว่าจะโดนสาดน้ำ หรือไปอยู่ตรงกลางระหว่างกระบะสาดน้ำ) ก็คือเดินสายไหว้พระ เข้าห้างหาอะไรกิน ฟินๆกับการจราจรอันเบาบางของกรุงเทพฯ ส่งท้ายปีที่แล้วด้วยเรื่องยุ่งๆเกี่ยวกับสุขภาพของผู้สูงวัยที่บ้าน ในระดับที่ต้องผ่าตัดด่วน พักอยู่ใน CU อยู่หลายวัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากในช่วงระหว่างเดือน เม.ย. นี้เท่าไหร่ เพราะแทบจะต้องเข้า ออก โรงหมอ โรงพยาบาลเกือบแทบจะทุกวัน ชวงเวลาที่ทุกคนในบ้านป่วยพร้อมกัน ไม่เว้นแม้ตัวเอง ก็อยากจะมีวิชาแยกร่างเอาไว้ใช้งานบ้างอยู่เหมือนกัน แม้ว่าสังคมที่ทำงานจะใจดี แต่ทุกคนก็ต่างมีหน้าที่ที่จะต้องทำ เราเองก็ไม่อยากจะต้องไปรบกวนใคร สุขภาพที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง เป็นลาปอันสุดประเสริฐจริงๆ การมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ ดูแล สะสาง มากมาย ส่งแรงกดดันกับทั้งร่างกายและจิตใจมากโข ส่วนของร่างกาย ยังพอจัดหาเวลาพักได้ง่ายกว่า (อย่างน้อยให้ได้มีเวลานอนก็ยังพอได้เรื่อยๆ) ที่ยากกว่าคือเรื่องของจิตใจ ในสถานการณ์ปรกติ เราจะใช้การอออกกำลังในช่วงเย็นของแต่ละวัน ให้เป็นการที่ให้ตัวเองได้อยู่คนเดียว กอปรกับเวลาร่างกายเหนื่อย ใจมันจะไม่คิดอะไรไปพักนึง แต่ด้วยตารางชีวิตที่เปลี่ยนเละเทะ ใจไม่มีที่ระบาย ท้ายที่สุดก็ต้องฝากไว้กับวัด วันไหนพอมีเวลา ก็จะหาที่ไปทำบุญ ขอพักใจเติมพลัง แล้วก็เผื่อจะได้มูรับพรเรื่องสุขภาพไปด้วยอีกทาง […]